ผมว่า ทางจักรยานในเมือง มันคือการใช้ภาษีและนโยบายที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย

ขอเป็นกระทู้พลีชีพเลยแล้วกันครับ เข้าใจว่าการตั้งกระทู้แบบนี้อาจจะขัดใจใครหลายๆ คน แต่ผมเองก็เป็นคนที่ออกกำลังกายโดยการขี่จักรยานอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผมที่ไม่ได้แอนตี้คนขี่จักรยานอะไรนะครับ

คือพอกระแสการขี่จักรยานมันเริ่มเป็นที่นิยมเนี่ย หน่วยงานอย่าง กทม. ก็เริ่มมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ แน่นอน ผมจำได้ว่าเป็นนโยบายหาเสียงของหม่อมด้วยในตอนนั้น แต่การทำเลนจักรยานโดยการเอาถนนที่ไม่ได้รับการออกแบบให้มีทางจักรยานมาแต่ต้น อย่างเช่น ถนนแถวๆ ศาลเจ้าพ่อเสือ (เค้าเรียกถนนตะนาวหรือเปล่านะครับ) หรือวัดรอบๆ วัดพระแก้ว ท่าพระจันทร์ อะไรแถวๆ นั้น มันมีแบบ "สักแต่ให้มี" มากกว่าน่ะครับ เพราะวันนึงๆ มีจักรยานขี่ผ่านแถวนั้นแทบนับคันได้ และจักรยานส่วนใหญ่ก็จะเป็นจักรยานแพงๆ อย่างเสือภูเขาบ้าง เสือหมอบบ้าง ใส่ชุดแบบจัดเต็ม อุปกรณ์เพียบ และแน่นอนครับ กลุ่มนี้คือขี่เพื่อออกกำลังกายมากกว่าจะเป็นการขี่เพื่อ "ใช้ชีวิตประจำวัน"

ผมเคยเดินทางไปที่เมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว หรือวอชิงตัน ดีซี ที่นั่นก็มีจักรยานให้เห็นค่อนข้างหนาตาครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้เป็นเสือหมอบ และชุดจัดเต็มแบบบ้านเราครับ เพราะส่วนใหญ่ก็คือจักรยานแม่บ้านธรรมดา คนแถวนั้นเค้าขี่เพื่อไปซื้อของ ขี่ไปลงรถไฟใต้ดิน คือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันจริงๆ และทางจักรยานของเขาก็จะอยู่บนฟุตบาทครับ ไม่ได้ไปเฉือนถนนมาทำเป็นทางจักรยานเหมือยของ กทม.

เพราะฉะนั้นแล้ว การเฉือนถนนที่แต่เดิมไม่ได้รับการออกแบบให้เป็นทางจักรยาน มาทำเป็นทางจักรยาน ผมจึงมองว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าเอาซะเลย เพราะนี่คือการทำแบบไม่สำรวจ ไม่วิจัย ว่าชาวบ้านแถวนั้นเขาใช้จักรยานในการสัญจรไปมาหรือไม่ และทางจักรยานมันขาดการเชื่อมต่อเอามากๆ อย่างผมเองบ้านอยู่ตรงแถวๆ วงเวียนเล็กตรงฝั่งธนฯ วันดีคืนดีก็จะขี่ไปหาอะไรกินแถวเสาชิงช้าตอนเย็นๆ บ้าง คือมันไม่ได้มีเลนจักรยานตั้งต้นมาตั้งแต่แถวๆ บ้าน นึกออกไหมครับ เพราะฉะนั้น กว่าจะขี่ไปจนถึงจุดที่มีเลนจักรยานจริงๆ มันก็อันตรายอยู่เหมือนกัน และแน่นอนว่าการขี่แบบที่ผมยกตัวอย่าง มันคือการขี่เพื่อการท่องเที่ยว และออกกำลังกายมากกว่า

เมื่อพิจารณาถึงในแง่ของภาษีที่เสียไปในการจัดทำเลนจักรยานในเมือง ที่มันใช้ได้ไม่ค่อยคุ้มค่าแล้ว ในมิติเชิงสังคม ผมว่าเลนจักรยานนี้มันไป "รบกวน" วิถีชีวิตของชาวบ้านในย่านนั้นค่อนข้างมากครับ นี่ยังไม่ไดพูดถึงปัญหาด้านการจราจรติดขัดเพราะพื้นที่ถนนที่ลดลงนะ (ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้มีทางจักรยานนะครับ แต่กำลังจะบอกว่า การเอาทางที่ไม่ได้ออกแบบมาแต่แรก มาทำทางจักรยานมันควรจะเลิกได้แล้ว) และหากบางคนจะมองว่า เลนจักรยานมันทำให้ลดปัญหาเรื่องแม่ค้าที่ยึดทางเท้าหรือริมถนนไปได้ ผมว่าก็ไม่ใช่นะครับ ทุกวันนี้เราก็รู้ดีว่าปัญหานี้มันยังคงอยู่ อันนี้จะชัดสุดให้ไปดูที่ถนนลาดหญ้าใกล้ๆ วงเวียนใหญ่ครับ



จะดีกว่าไหมครับ ถ้ากำหนดเป็นนโยบายไปเลยว่า ถนนใหม่ๆ ที่เพิ่งตัด ก็ให้ทำทางจักรยานควบคู่กันไปเลย หรือใต้ทางด่วนที่กำลังสร้าง เช่น ถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 หรือ ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ กับถนนตัดใหม่ทุกสาย มันก็จะมีเลนจักรยานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เองแหละครับ ส่วนถนนเส้นเดิมๆ ที่ไม่ได้มีไว้รองรับอยู่แล้ว ก็ต้องรอจัดระเบียบกันใหม่ ดีกว่าที่อยู่ๆ จะไปเฉือนมาใช้แบบนี้



หลังๆ มานี้ เห็นถนนระหว่างเมือง บางที่ ก็เริ่มทำทางจักรยานบ้างแล้ว แต่เอาจริงๆ นะครับ ถนนระหว่างเมือง ที่ต้องขี่กัน 30-40 กม. มันใช่ถนนที่ชาวบ้านร้านตลาดเขาจะใช้กันไหมครับ กลุ่มที่จะใช้ถนนเส้นแบบนี้ ก็จะเป็นกลุ่มที่เน้นการออกกำลังกายมากกว่า ซึ่งรูปแบบที่เอามารองรับกับกลุ่มนี้คือ โมเดลของสนามรอบสุวรรณภูมินั่นแหละครับ ที่ตอบโจทย์ที่สุด ทั้งสะดวก เป็นสัดส่วน ปลอดภัย

แน่นอนครับ งบประมาณในการทำทางจักรยานบนถนนเส้นเดิม ถือว่าไม่ได้มากมายอะไร แค่ทาสีแล้วเอาเสามากั้นๆ ถ้าเสาหักก็เสียตังซื้อมาเปลี่ยนอีกนิดหน่อย แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เงินที่ใช้จ่ายไปหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของ "ทิศทาง" ในการเพิ่มทางจักรยานมากกว่า ว่าไอ้ที่ทำอยู่แบบทุกวันนี้น่ะ มันไม่ค่อยยั่งยืนหรอกครับ อีกหน่อยมันอาจจะค่อยๆ ร้างและเสื่อมไปเหมือนกับ BRT ก็ได้ ที่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการทำโดยขาดการวิจัยเชิงลึกอย่างเพียงพอ


ภาพประกอบทั้งหมดจากอินเตอร์เน็ทครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่